จิตวิญญาณแห่ง TUDOR #BornToDare กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง พบกับนาฬิการุ่นใหม่ที่ร่วมเฉลิมฉลองการผจญภัยและมรดกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาของ TUDOR
Black Bay Pro นาฬิกาโดดเด่นด้วยเทคนิครุ่นใหม่ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ความสวยงาม และผสานด้วยกลไก Manufacture Calibre กับฟังก์ชัน built-in GMT
BLACK BAY PRO
สำหรับนักผจญภัยผู้กล้าหาญ TUDOR แนะนำเรือนเวลาอันสมบูรณ์แบบรุ่นใหม่ใน Black Bay Pro ที่มาพร้อมมุมมองและคุณสมบัติด้านเทคนิคใหม่ๆ เช่นเดียวกับความสวยงามโดดเด่น
กะทัดรัด แข็งแกร่งทนทาน และเปี่ยมด้วยสไตล์สปอร์ต คือภาพลักษณ์อันลงตัวของ Black Bay Pro ซึ่งมาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มิลลิเมตร ผสานด้วยขอบตัวเรือนสตีลแบบยึดกับที่ และเม็ดมะยมไขลานผ่านการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดสำหรับจับใช้งานได้ง่ายดายและสะดวกสบายสูงสุด โดยยังคงหล่อหลอมไว้ด้วยมรดกสไตล์วินเทจของแบรนด์ ที่ Black Bay Pro นั้นมาพร้อมกับความโดดเด่นของขอบตัวเรือนแบบยึดกับที่ทำจากสตีลและบรรจุไว้ด้วยสเกลเวลา 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง ที่แม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับสีสันแบบเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ทว่า Black Bay Pro ยังคงความโดดเด่นสะกดสายตา โดยเฉพาะของเหล่าบรรดาผู้ซึ่งหลงใหลชื่นชอบเรือนเวลา โดยนาฬิกาที่พร้อมจะเป็นเพื่อนคู่กายรุ่นใหม่นี้บรรจุไว้ด้วยเข็มชี้ Snowflake สีเหลืองสำหรับแสดงเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามเวลาทั้งสองไทม์โซนได้อย่างแม่นยำ พร้อมพลังขับเคลื่อนของกลไก Manufacture Calibre MT5652 จาก TUDOR ที่ผสานฟังก์ชัน built-in GMT มอบความมั่นใจได้อย่างสูงสุดจากการสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง และเสริมความไว้วางใจเชื่อถือได้ในฐานะนาฬิกา “weekend-proof” จากการทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ไม่ได้สวมใส่นาฬิกา
นอกจากนี้ ยังตอกย้ำถึงการเป็นนาฬิกาเพื่อนนักเดินทางอย่างแท้จริง กับการมาพร้อมมาร์กเกอร์บอกชั่วโมงแบบนำมาติดบนหน้าปัดที่ทำจากเซรามิกแบบ monobloc เรืองแสง ซึ่งเสริมภาพทางเทคนิคอันสวยงาม ขณะเดียวกันก็เพิ่มซึ่งพื้นผิวการเรืองแสงมากขึ้น ทำให้อ่านค่าและมองเห็นได้อย่างชัดเจนดียิ่งขึ้น Black Bay Pro รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับสายสามตัวเลือก ระหว่างสายสเตนเลสสตีล สายไฮบริดจากยางและหนัง หรือสายผ้าสีดำตกแต่งแถบสีเหลืองและหัวเข็มขัดรัดสาย
นาฬิการุ่นไอคอน Black Bay GMT ในวันนี้เปิดตัวต้อนรับเวอร์ชันใหม่ในแบบ S&G (Steel & Gold) พร้อมสีสันอันอบอุ่นและสัมผัสสไตล์วินเทจ
BLACK BAY GMT S&G
คงไว้ด้วยเสน่ห์ของรุ่นไอคอนอย่าง Black Bay GMT ที่ในวันนี้ได้นำเสนอในอีกหนึ่งเวอร์ชัน Black Bay GMT S&G กับโทนสีสันอันอบอุ่นและสัมผัสสไตล์วินเทจ
นับเป็นเรือนเวลาที่เป็นมิตรต่อนักเดินทาง กับการบรรจุไว้ด้วยสเกลแสดงเวลา 24 ชั่วโมงต่อเนื่องบนขอบตัวเรือนปรับหมุนได้ ทั้งยังปรากฏแบบสองโทนสี ที่เผยความสง่างามและสัมผัสสไตล์วินเทจทรงเสน่ห์ รวมถึงมอบคุณสมบัติสำคัญด้านการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ในการติดติดตามเวลาของทั้งสามไทม์โซนได้พร้อมกัน
โดยส่วนสีน้ำตาลของขอบตัวเรือนนั้นแสดงถึง 12 ชั่วโมงต่างๆ ของช่วงเวลากลางวัน ขณะที่ช่วงเวลากลางคืนนั้นแสดงไว้ด้วยส่วนสีดำ จากการทำงานของกลไก Manufacture Calibre MT5652 ซึ่งเป็นกลไกเดียวกันกับในรุ่น Black Bay Pro และทำให้ Black Bay GMT S&G นี้มีคุณสมบัติเด่นที่คล้ายกันของการสำรองพลังงานได้ถึง 70 ชั่วโมง ทว่า ต่างจากขอบตัวเรือนแบบยึดกับที่ของ Black Bay Pro ที่บนขอบตัวเรือนของรุ่นนี้สามารถปรับหมุนได้สองทิศทาง เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามเวลาไทม์โซนที่สามเพิ่มเติมได้ สำหรับ Black Bay GMT S&G มาพร้อมตัวเลือกของทั้งสายสตีลและทอง หรือสายหนังสีน้ำตาลวินเทจ และสายผ้าตกแต่งด้วยแถบสีเบจ พร้อมทั้งหัวเข็มขัดรัดสาย
สไตล์สปอร์ตชิคที่หลอมรวมอยู่ใน Black Bay Chrono S&G พร้อมทั้งเสน่ห์ของหน้าปัดสีแชมเปญใหม่ ตัดกับหน้าปัดย่อยสีดำ
BLACK BAY CHRONO S&G
นับเป็นการตีความอันชวนหลงใหลใน Black Bay Chrono S&G ที่ได้มาจากต้นแบบของนาฬิกาโครโนกราฟ อย่าง Black Bay Chrono ซึ่งวันนี้พร้อมเผยโฉมด้วยเสน่ห์ของหน้าปัดสีแชมเปญใหม่
Black Bay Chrono S&G ขนาด 41 มิลลิเมตร หล่อหลอมระหว่างจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตและมรดกของนาฬิกาดำน้ำ เป็นนาฬิกาโครโนกราฟสุดชิคแนวสปอร์ตที่บรรจบระหว่างความทันสมัยและล้ำยุคของความเป็นต้นตำรับในอดีต โดยมาพร้อมความโดดเด่นของหน้าปัดย่อยสีดำ ที่รังสรรค์เป็นภาพซึ่งตัดกันได้อย่างโฉบเฉี่ยวกับหน้าปัดสีแชมเปญตกแต่งด้วยงานขัดด้านซาตินแบบซันเรย์ (sunray) ซึ่งเผยทั้งสัมผัสแห่งความสวยงาม และเหมาะกับการใช้งานจากความสามารถในการมองเห็นได้อย่างสูงสุด
พร้อมพลังขับเคลื่อนโดยกลไกสมรรถนะสูงของ Manufacture Chronograph Calibre MT5813 ซึ่งมอบพลังงานสำรองได้ 70 ชั่วโมง และการติดตั้งไว้ด้วยทั้ง column wheel และ vertical clutch ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของการต้านทานแม่เหล็ก รวมถึงมอบความมั่นใจได้ถึงความทนทานและความไว้วางใจเชื่อถือได้
ผสานขอบตัวเรือนเยลโลโกลด์แบบยึดกับที่ พร้อมทั้งดิสก์อโนไดซ์อลูมิเนียมสีดำแบบด้านและสเกลทาคีมิเตอร์ (tachymeter) ที่เติมเต็มภาพลักษณ์สไตล์นาฬิกาสปอร์ตชิคทันสมัย โดย Black Bay Chrono S&G ใหม่มาพร้อมกับตัวเลือกของสายสตีลและเยลโลโกลด์ หรือสายหนังสีน้ำตาลเข้มวินเทจ พร้อมแถบบันด์ (bund) ถอดออกได้ และสายผ้าสีดำกับหัวเข็มขัดรัดสาย
Black Bay 31/36/39/41 S&G ในตัวเรือนโค้งรับข้อมือ และมาพร้อมตัวพับล็อกสาย TUDOR “T-fit” ผสานการทำงานของกลไก Manufacture Calibres
BLACK BAY 31/36/39/41 S&G
อีกหนึ่งรุ่นที่นำเสนอด้วยเวอร์ชันสตีลและทองจาก TUDOR ใน Black Bay 31/36/39/41 S&G ที่เสริมทัพความสมบูรณ์แบบให้กับครอบครัว Black Bay ได้อย่างสวยงาม
มีให้เลือกในหลากหลายขนาด พร้อมทั้งเวอร์ชันหน้าปัดและขอบตัวเรือนแตกต่างกัน ซึ่งในรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ร่วมเผยถึงบุคลิกอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากหัวใจของ Black Bay ทั้งยังสวยงามโดดเด่นและเปี่ยมเสน่ห์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากรูปทรงตัวเรือนโค้งที่รังสรรค์เป็นโครงร่างอันนุ่มนวลอ่อนโยน รับกับเม็ดมะยมไขลานทรงโค้งใหม่ ซึ่งมอบความโค้งรับไปตามข้อมือของผู้สวมใส่และเสริมเสน่ห์แห่งความโค้งมนที่ดึงดูดสายตาได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่ภายในติดตั้งด้วยกลไก Manufacture Calibres ขนาดต่างกัน (เช่น MT5201 ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับผลงานใหม่นี้) ผลงานเรือนเวลาเหล่านี้ยังได้ร่วมตอกย้ำถึงความล้ำสมัยและความประณีตทางเทคนิคแห่งประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาของ TUDOR
สำหรับ Black Bay 31/36/39/41 S&G ประกอบมากับสายสตีลและเยลโลโกลด์ พร้อมทั้งตัวพับล็อกสาย “T-fit” ที่มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับการสวมใส่บนทุกๆ ข้อมือได้อย่างสูงสุด
TUDOR Royal เจิดจรัสด้วยสายโลหะแบบผสาน และขอบตัวเรือนประดับเพชร ตอกย้ำถึงสไตล์สปอร์ตชิคที่เลือกสวมใส่ได้อย่างหลากหลาย
TUDOR ROYAL
ถ่ายทอดความสวยงามประณีต พร้อมทั้งสมรรถนะชั้นยอดที่ยังคงสามารถเข้าถึงและครอบครองได้ TUDOR Royal ในวันนี้เปิดตัวแนะนำนาฬิกาใหม่สองรุ่นสู่คอลเลกชันอันสง่างาม
TUDOR Royal คงไว้ด้วยความโดดเด่นของการเป็นจุดบรรจบระหว่างความคลาสสิกและสไตล์แห่งนาฬิกาสปอร์ต สอดคล้องกับชื่อที่มีความหมายถึงความยอดเยี่ยมด้านคุณภาพ ซึ่ง TUDOR Royal นั้น พร้อมนำเสนอภายใต้นาฬิกาสปอร์ตชิคที่ขับเคลื่อนอย่างเปี่ยมด้วยพลังโดยกลไกจักรกลอัตโนมัติ รวมถึงสายโลหะแบบผสานอันสวยงาม
โดยเฉพาะสองรุ่นใหม่ซึ่งเปิดตัวแนะนำในงาน Watches and Wonders 2022 ที่ผ่านมา กับเรือนเวลาขนาด 28 มิลลิเมตรที่ทำจากสตีล หรือสตีลและทอง พร้อมบรรจุด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกประดับอัญมณี และขอบตัวเรือนประดับเพชร อันเป็นตัวแทนถึงความงดงามโดดเด่นสไตล์สปอร์ตชิคที่มีบุคลิกอันหลากหลายและสามารถสวมใส่ได้หลายโอกาส TUDOR Royal ในตัวเรือน 28 มิลลิเมตร นี้จึงเป็นอีกหนึ่งนาฬิกาคู่กายอันล้ำสมัยและสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง